คำค้นยอดฮิต: ข้าวเหนียวมะม่วง ของขวัญออแกนิค ผลไม้สด
TH | EN
฿ 0.00
ศูนย์เรียนรู้สวนเอเดนเกษตรอินทรีย์เศรษฐกิจพอเพียง
ศูนย์เรียนรู้สวนเอเดนเกษตรอินทรีย์เศรษฐกิจพอเพียง ตำบลจอมหมอกแก้ว อำเภอแม่ลาว จังหวัดเชียงราย
Image
สภาพอากาศวันนี้
อยู่ในเวลาปิดทำการ
วันเวลาทำการ
• วันอาทิตย์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันจันทร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันอังคาร
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพุธ
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพฤหัสบดี
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันศุกร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันเสาร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
หมายเหตุ
: -
แผนที่และพิกัดที่ตั้ง
คะแนนรีวิว
0
ความพร้อมสถานที่
0
ความคุ้มค่า
0
การให้บริการ
0
อ่านทั้งหมด >
รายละเอียด
1.เป็นศูนย์เรียนรู้สวนเอเดนเกษตรอินทรีย์เศรษฐกิจพอเพียง
2.การทำแก๊สชีวภาพใช้ในครัวเรือน
3.การทำปุ๋ยอินทรีย์และการทำน้ำหมักชีภาพ
4.การใช้ควายไถนาสู่วิถีชีวิตดั้งเดิม
5.การฝายชะลอน้ำและการฟื้นฟูป่าเพื่อเป็นแหล่งน้ำ(ปลูกป่า)
6.การทำหมูหลุม ควายหลุุม ไก่ และอื่นๆ
7.การปลูกพืชผักอินทรีย์และผลไม้อินทรีย์(ผสมผสาน)
8.การประมง



ประวัติความเป็นมา
ประวัติศูนย์เรียนรู้สวนเอเดนเกษตรอินทรีย์เศรษฐกิจพอเพียง แรงบันดาลใจในการทำสวนเกษตรอินทรีย์ อาชีพเดิมของข้าพเจ้านั้นคือ เซลล์ส่งของในจังหวัดเชียงราย ระหว่างเดินทางไปได้เห็นเกษตรกรใช้ปุ๋ยเคมีในการทำเกษตร ขับรถไปคิดไปเลยคิดถึงในหลวงรัชกาลที่9พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุยเดช พ่อของคนไทยทั้งแผ่นดิน เลยทำให้อยากทำสวนอินทรีย์ พอกลับมาถึงบ้านได้ปรึกษาครอบครัว ทุกคนเห็นด้วยข้าพเจ้าเลยทุบหม้อข้าวตัวเองขายบ้านในเมืองมาลงทุน จนต้องเช่าเขาอยู่ ทิ้งงานที่ให้รายได้มาเริ่มใหม่จากสูญกับที่ดินที่ใครก็บอกว่าดินตายไปแล้ว ตอนนั้นเป็นใครก็ต้องบอกว่าข้าพเจ้าเป็นควาย ตอนเริ่มทำก็เหนื่อยมาก ดินมันตายเราก็อยากได้ควายมาไถนา แต่ตอนนั้นมันเดือนสิงหาคมแล้ว กันยายนและตุลาคมก็จะสิ้นฝน นาของข้าพเจ้าก็ไม่มีน้ำ ถ้ารอฝนต่อไปก็คงจะไม่ได้ ตอนนั้นก็รู้จักกับอาจารย์ศักดิ์ดา วิวัฒน์ขจรศักดิ์ อาจารย์ได้พาไปที่ไร่เชิญตะวัน ข้าพเจ้าก็รีบไปขอยืมควายเขามาไถนา พอไปถึงพระอาจารย์เห็นว่ายังไม่ใช่นักเรียนชาวนาจึงไม่ให้บอกว่าให้ข้าพเจ้ามาเรียนรู้วิธีการทำที่ถูกต้องก่อนเป็นจุดเริ่มต้นที่ข้าพเจ้ามาเป็นนักเรียนโรงเรียนชาวนาซึ่งเปลี่ยนชีวิตผมไปตลอด เมื่อไม่ได้ควายข้าพเจ้าเลยต้องเป็นควายเอง ตอนนั้นเลยเป็นควายในสวนเป็นนักเรียนในไร่ ปีนั้นครอบครัวเราก็มีข้าวกิน หลังจากเรียนจบพระอาจารย์ก็ให้ยืมควาย แต่ก่อนหน้านั้นข้าพเจ้ากลับได้สิ่งที่มีค่ามากกว่าคือ แง่คิดของการรู้จักแง่คิดของการรู้จักพึ่งพาตนเอง สิ่งที่เราขาดไม่ใช่แค่ควาย แต่เป็นความรู้ จึงได้เข้าใจว่าทำไมชาวนาจึงต้องมีโรงเรียน ข้าพเจ้าเรียนรู้การบริหาร ทำบัญชี การแปรรูป เรียกว่าตั้งแต่ต้นน้ำ กลางน้ำ ปลายน้ำ ท่านสอนหมด วันนี้จากควายตัวหนึ่ง ผมมีสวนที่สมบูรณ์สามารถพึ่งพาตนเองได้และยังเป็นสาขาของโรงเรียนชาวนา ได้ช่วยเหลือคนอื่นๆที่อยากทำเกษตรอินทรีย์ บ้านในเมืองที่ขายไป บ้านเดิมในสวน ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ สภาพดินที่แห้งแล้งและตาย ตอนข้าพเจ้าเป็นควายไถนา ครอบครัวร่วมเป็นควายในการไถนา ได้ควายจากไร่เชิญตะวัน ผลจากการปรับสภาพดิน จะเห็นผลดีตามลำดับ จบมหาวิชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์(ไร่เชิญตะวัน)และรับประกาศนียบัตร รับป้ายสวนเอเดนเกษตรอินทรีย์เศรษฐกิจพอเพียง จากนายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร (ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงราย) รับรางวัลปราชญ์อินทรีย์ วิถีพึ่งตน
ลักษณะเด่น
ศูนย์เราจะใช้ควายไถนาเพื่อให้เห็นถึงวิถีชีวิตดั้งเดิม
ที่มาข้อมูล
Thailand Tourism Directory
ข้อมูลแนะนำ
ราคาค่าเข้าชม
• ราคาค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่าย
• หมายเหตุ : -
รีวิว (0)
0
จาก 5.0
ความพร้อมสถานที่
ความคุ้มค่า
การให้บริการ
แนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่คล้ายกัน
ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ.นครนายก การมาเที่ยวชมศูนย์ฯ แห่งนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย เว้นแต่ว่ามากันเป็นหมู่คณะ และต้องการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทางศูนย์ฯ ได้จัดขึ้น ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นเลิศ ที่จะทำให้เข้าใจเรื่องราวของคำว่า "พอเพียง" และการใช้ทรัพยากรอย่างไรให้ได้ประโยชน์และรู้คุณค่ามากที่สุด การเดินเที่ยวชมที่แห่งนี้ เดินชมได้เป็นลักษณะคล้ายวงกลม โดยเริ่มจาก โซนภาคเหนือ ตื่นตาไปกับการปลูกไม้ไผ่ชนิดต่างๆ สองข้างทาง รวมทั้งความน่ารักของสะพานไม้ไผ่ บ้านที่สร้างจากไม้ไผ่ริมสระบัว และเครื่องเล่นที่ทำจากไม้ไผ่ ที่จัดแสดงแบบนี้ เป็นเพราะต้องการให้ได้รู้ว่าไม้ไผ่สามารถทำประโยชน์อะไรได้มากมาย รวมทั้งทำรางหยดน้ำ เพื่อใช้รดน้ำต้นไม้และรดดินแทนคนอีกด้วย เดินขึ้นไปตามภูเขาก้อนเล็กๆ เรียนรู้เรื่องภูเขาป่า การตะบันน้ำ คือ การที่ใช้น้ำอัดน้ำขึ้นที่สูงแทนการใช้เครื่องปั๊มน้ำ ระบบป่าเปียกกันไฟ ประโยชน์ของหญ้าแฝก และการทำฝายชะลอความชุ่มชื้น เดินต่อไปยัง โซนภาคกลาง เรียนรู้เรื่องการเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของตัวเองอย่างคุ้มค่า เรียนรู้การสร้างบ้านดิน และเรื่องสมุนไพรนานาชนิด แล้วก็เดินไปยัง โซนภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ชมธนาคารข้าว เรียนรู้เรื่องการสีข้าว การเลี้ยงปศุสัตว์ แอบเห็นวัวตัวเบ่อเริ่มอยู่ในคอกด้วย การทำปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง จะได้ไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมี และได้เรียนรู้เรื่องการห่มดิน จากที่พื้นที่ที่ไม่มีดิน ต้องใช้วิธีห่มดิน เพื่อให้ได้ดินดีๆ กลับมาปลูกพืชผัก แต่จะทำอย่างไร อยากให้ไปเรียนรู้ด้วยตัวเองจะดีที่สุด สุดท้ายไปยัง โซนภาคใต้ ไปดูการเผาถ่านที่ทำจากไม้ไผ่ การทำน้ำมันไบโอดีเซล และเรียนรู้โครงการแก้มลิง นอกจากนี้ตลอดภายในศูนย์ฯ ฉันเห็นว่าจะมีร่องน้ำขนาดใหญ่และเล็กตลอดเส้นทาง มีสระน้ำ มีแปลงเกษตรปลูกพืชผัก มีกังหันน้ำชัยพัฒนา มีการปลูกหญ้าแฝกในน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย จบการเดินเที่ยวชม ที่รับสาระความรู้และความเพลิดเพลินเดินอย่างไม่รู้เหนื่อยกันไป เดินชม ตาดู หูฟังและปากถามเจ้าหน้าที่ไม่ลดละ เพียงเพราะว่าสิ่งที่เราคิดว่า ‘เรารู้' กลายเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน นั่นเป็นเพราะความเคยชินกับโครงการต่างๆ หรือทฤษฎีต่างๆ แต่ไม่เคยปฏิบัติหรือมาสัมผัสจริง การเดินทาง : จากแยกรังสิต ไปทาง อ.องครักษ์ มุ่งหน้าไปใช้เส้นนครนายก-น้ำตกนางรอง ผ่านวังตะไคร้ ก่อนถึงน้ำตกนางรอง 2 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล ตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงวงเวียน (มีรูปปั้นช้าง) วนขวาข้ามสะพาน ถึงสี่แยกเลี้ยวขวาตรงไปอีก 200 เมตร ศูนย์ฯ จะอยู่ทางซ้ายมือ
นครนายก
ที่นี่ บ้านนาสวนสามขา อำเภอสันติสุข สัมผัสวิถีเนิบช้ากับยามเช้าอันแสนสงบ เที่ยวชมท้องทุ่งสีเขียวอ่อน ในหน้าฝน สูดดิน กลิ่นโคลน สุดสดชื่นระรื่นตา กับบรรยากาศชายทุ่งเดินเล่นทอดน่องพักผ่อนสบายๆ กินอยู่ง่ายๆ เก็บพืชผักสวนครัวในบ้าน นำมาปรุงอาหาร เป็นเมนูในท้องถิ่น แค่นี้ก็อิ่มอร่อยมีเวลาเหลือๆ ลงแปลงเพาะกล้า ทำนาโยน เรียนรู้การเกษตรวิถีใหม่ บางคนไม่ใช่เกษตรกรโดยตรง ไม่เคยดำนา มาท่องเที่ยว อยากเดินย่ำโคลนโยนข้าว สัมผัสสายลม และท้องทุ่งขนต้นกล้าที่เพาะไว้ไปแปลงนา เดินป่าๆ โยนๆ แบบซิวๆ ไม่ต้องก้มให้เมื่อย ยิ่งแดดร่ม ลมตกแบบนี้สบายๆ
น่าน
บ้านจำรุงเป็นหมู่บ้านเล็กๆ สมาชิกเหมือนเป็นคนครอบครัวเดียวกันทั้งหมด แต่เดิมมีลุงสำเริง ดีนาน เป็นผู้ร่วมก่อตั้ง “โอท็อปโบราณ” ก่อนจะพัฒนาเป็นศูนย์โอท็อปชาวบ้าน นำสินค้าผลผลิตทางการเกษตรในชุมชนมาขาย นอกจากนี้ ยังเปิดแหล่งท่องเที่ยวแบบโฮมสเตย์ มีรถพาชมสวน ได้ทั้งการพักผ่อนใกล้ชิดธรรมชาติ และความรู้จากปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงแบบชาวบ้าน ทั้งเกษตรพื้นบ้านไร้สารเคมี เกษตรธรรมชาติกองทัพมด เป็นตัวอย่างนำกลับไปใช้ได้จริง โดยเริ่มลงมือทำตั้งแต่ปีพ.ศ.2529 กระทั่งมีผลงานเป็นรูปธรรม ด้วยความร่วมมือของชาวบ้านที่เข้มแข็ง จากที่ประชุมกันในครัวเรือน กลายเป็นเครือข่ายองค์กรบ้านจำรุง ที่มีการประชุมร่วมกันทุกวันที่ 15 ของเดือน เป็นเวทีสาธารณะ หรือเวทีชาวบ้าน ที่มีทั้งเด็ก เยาวชน และคนแก่ เข้าร่วม ต่อมาปี พ.ศ.2549 จึงจัดตั้งเป็น “มหาวิทยาลัยบ้านนอก” เพื่อการเรียนรู้ของสังคม กระทั่งได้รับรางวัล “หมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงอยู่เย็นเป็นสุข” จากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จากนั้นก็มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาศึกษาหาความรู้กันอย่างไม่ขาดสาย เป็นสิ่งที่ชาวบ้านภาคภูมิใจ
ระยอง
- ชมสวน ทานผลไม้ เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง - กิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แนวเขตกันชนห้วยขาแข้ง - เส้นทางศึกษาธรรมชาติ โปรแกรมการท่องเที่ยว: 1. ชมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรแบบผสมผสาน เช่น สวนมะเดื่อฝรั่ง มะนาววงบ่อ ผลหม่อนกินสด 2. ชมสวน ทานผลไม้ ที่มีคุณภาพ เช่น ทุเรียน เงาะ มังคุด ลองกอง 3. ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์แนวเขตกันชนห้วยขาแข้ง 4. กางเตนท์เพื่อพักผ่อนบริเวณอ่างเก็บน้ำห้วยน้ำวิ่ง บริเวณแนวเขตกันชนห้วยขาแข้ง เส้นทางเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ : - สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์หลวงพ่อเสมา ณ.วัดป่าสักซึ่งเป็นพระคู่บ้านประจำอำเภอลานสัก ระยะทาง 5 กม. -เที่ยวชมอุทยานแห่งชาติห้วยขาแข้ง ระยะทาง 12 กม. -หุบป่าตาด ระยะทาง 10 กม -น้ำพุร้อนสมอทอง ระยะทาง 12 กม.
อุทัยธานี
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้จัดตั้งพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติฯ ในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ รัชกาลที่ 9 ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 พรรษา ในปี พ.ศ. 2539 บนเนื้อที่ 500 ไร่ ณ ตำบลคลองหนึ่ง อำเภอคลองหลวง จังหวัดปทุมธานี
ปทุมธานี
ภูเกษตร เป็นภูเขาสูง ลานหินกว้าง น้ำตกตาดฮังในฤดูฝน มีหินเป็นรูปร่างต่าง ๆ มากมายเกิดจากธรรมชาติ และมีหน้าผาสูงชัน เป็นที่ตั้งวัดภูเกษตร (ดานหินหัวนาค)
อำนาจเจริญ
-เพื่อให้เกษตรกรในกลุ่มจังหวัดระยอง แสดงผลงานทางการเกษตรต่อสมาชิกด้วยกัน -สมาชิกและผู้สนใจในการทำเกษตร สามารถแลกเปลี่ยนเรียนรู้พูดคุยวิชาการเกษตรอย่างสร้างสรรค์ -เพิ่มช่องทางการผลิต การตลาด การกระจายสินค้าทางการเกษตร ต่อสมาชิกและผู้สนใจด้วยกันอย่างกว้างขวาง
ระยอง
ดงเมืองเตยเป็นเมืองเก่าสมัยขอมจะเป็นเมืองร้างมาแล้วนานเท่าไรไม่ทราบได้ สภาพที่เห็นมาจากปู่ย่าตาทวดหลายชั่วอายุคน ดงเมืองเตยมีป่าไม้ขึ้นสูงข้างล่างโปร่ง มีหมู่ไม้เล็กๆ ขึ้นบ้าง ต้นไม้ใหญ่ได้แก่ ไม้ยาง ไม้ตะแบก ไม้ยางเหียง เป็นป่าหนาแน่นมาก พวกพ่อแม่ปู่ย่าตายายไม่กล้าตัดต้นไม้ในดงนี้ เพราะดงเมืองเตยมีผีดุเรียกว่า ผีปู่ตา ป่าไม้จึงเป็นที่อาศัยของลิง และนกหลายจำพวก บึงรอบบริเวณดงเมืองเตยเป็นหนองน้ำขนาดลึกมีน้ำขังตลอดปี เป็นที่อาศัยและเป็นที่เพาะพันธุ์ปลาตามธรรมชาติ นอกจากนกจำพวกต่างๆ แล้วบึงนี้ได้ชื่อว่ามีเต่ามากที่สุด เหตุที่มีเต่ามากเช่นนี้ชาวบ้านนับถือผีปู่ตา ปู่ตาห้ามจับกินทำลายสัตว์พาหนะของท่าน คือ ลิงและเต่า ถ้าเกิดทำอันตรายขึ้นมา จะต้องมีอันเป็นไป” “ต่อมาเมื่อประมาณ 90 ปีมาแล้ว ชาวบ้านสงเปือยมีหมอร่ำเรียนวิชาอาคมมาทำพิธีปราบผีดงเมืองเตยได้ หมอผู้มีวิชาอาคมผู้นี้ชื่อ ผู้ใหญ่สุวอ เหตุการณ์นี้ตรงกับสมัยพ่อใหญ่อัครฮาด เป็นตาแสง เมื่อชาวบ้านใกล้ไกลได้ยินข่าวพ่อใหญ่สุวอข่มผีดงเมืองเตยได้แล้ว ก็พากันหลั่งไหลมาจับเต่าปลาดงเมืองเตยไปเป็นอาหารจนเกือบเกลี้ยงบึง เต่าจึงเกือบสูญพันธุ์มาจนบัดนี้ พ่อใหญ่สุวอได้แบ่งปันที่บึงออกเป็นที่นาให้พี่น้องญาติมิตรทำนามาจนทุกวันนี้ ส่วนบริเวณดงเมืองเตยได้แบ่งบันทำไร่ สวน ปลูกพืชทำกินมาเท่าทุกวันนี้ อันนี้เป็นเรื่องจริง ผู้เฒ่าผู้แก่ที่มีอายุครบ 90 ปี เช่น พ่อใหญ่อ่อน หอมกลิ่น พ่อใหญ่บู กกเปือย ยังมีชีวิตเป็นพยานอยู่
ยโสธร
ด้วยสวนวิชา(ระยอง) -จำหน่ายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด -จำหน่ายชุดโต๊ะ ที่นั่งหิน และหินตกแต่งหลากหลายรูปแบบ -รับปรึกษาการปลูกต้นไม้ -รับจัดสวน / ตกแต่งสวน ด้วยทีมงานมืออาชีพ สวนวิชาพันธุ์ไม้(ระยอง)มีพื้นที่ในการเพาะพันธุ์ไม้มากกว่า 50 ไร่ ทำให้ที่ร้านมีทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ รวมทั้งชุดโต๊ะ ที่นั้่งหิน และหินตกแต่งไว้ให้ท่านผู้สนใจได้เลือกชมเลือกซื้ออย่างมากมาย ด้วยประสบการณ์ของเจ้าของ เริ่มก่อร่างสร้างตัวเปิดร้านตั้งแต่ปี พศ. 2532 จนถึงปัจจุบัน สามารถเป็นตัวการันตีในคุณภาพของสินค้าได้เป็นอย่างดี มองหาร้านได้ไม่ยากติดถนนสุขุมวิทเยื้องๆตลาดผลไม้ตะพงทางไป อ.แกลง เปิดบริการทุกวันจันทร์-อาทิตย์ 08.00-17.00 น. และเปิดตัวน้องใหม่ มีบริการที่พักแบบโฮมสเตย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาลิ้มลองผลไม้ตามฤดู หรือท่องเที่ยวทะเลที่มาเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะ เพื่อการดูแลได้อย่างถั่วถึง จึงรองรับได้จำนวน 10 ท่าน/กรุ๊ป มีบริการสระว่ายน้ำและ Wi-Fi ฟรี สำหรับลูกค้าที่มาพักทุกท่าน
ระยอง
ภูถ้ำพระ เป็นถ้ำใหญ่กว้างประมาณ 3 วา ยาวประมาณ 8 วา ตั้งอยู่ชะง่อนภูด้านทิศใต้ มีทางเข้าไปตามซอกหิน ซึ่งตั้งสูงสุดตระหง่านอยู่รอบ ๆ เป็นอุโมงค์ จากปากถ้ำเลยไปทางทิศเหนือ สามารถเดินลอดไปได้อย่างสบาย ถ้ำพระนี้มีธรรมชาติ เป็น 2 ชั้น เป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปซึ่งตั้งเรียงรายอยู่เป็นแถว ๆ และมี พระพุทธรูปปางไสยาสน์ พระกัจจายนะ 2 องค์ สร้างสมัยอาจารย์ดี ฉันโน อยู่ในถ้ำนี้อย่างงดงาม ภูถ้ำพระ เป็นพื้นที่ภูเขาขนาดเล็ก เนื้อที่ประมาณ 200 ไร่ มีป่าไม้เบญจพรรณขึ้นอยู่ทั่วไปค่อนข้างสมบูรณ์ ให้ความ ร่มรื่น อากาศเย็นสบาย เป็นแหล่งต้นน้ำลำธารของลำห้วยหลายแห่ง เสาหินลักษณะคล้ายแหล่งท่องเที่ยวภูผาเทิบ และมีจุดชมวิวเป็นแหล่งธรรมชาติที่สวยงามใกล้ทางขึ้นจะมีซุ้มประตูอิฐก่อเป็น “ภูโง” ชาวบ้านเรียกประตูโขง ซึ่งตั้งอยู่ด้านเหนือของ ภูถ้ำพระ ไปไกลประมาณ 1 กิโลเมตร ปัจจุบันเหลือเพียงซากปรักหักพัง ความศักดิ์สิทธิ์ของภูถ้ำพระที่ได้เล่าสืบทอดกันต่อมาคือ หากชาว บ้านบริเวณนั้นจะออกหาของป่า ต้องมาที่ถ้ำแห่งนี้เพื่อสักการะ แล้วจะมีโชคในการทำมาหากินและแคล้วคลาดจากอันตรายทั้งปวง
ยโสธร
การส่งเสริมและสนับสนุนอาชีพทางการเกษตรของตำบลสาคู และสืบสานดำเนินงานตามแนวพระราชดำริโครงการเศรษฐกิจพอเพียง
ภูเก็ต
แปลงเรียนรู้ไม้ดอกเมืองหนาว - กล้วยไม้ซิมบิเดียมตัดดอก - แปลงทิวลิป แปลงเรียนรู้ไม้หอม - โรสแมรี่ - เจอราเนียม แปลงเรียนรู้การปลูกพืชเชิงอนุรักษ์บนพื้นที่สูง - อะโวคาโด - กาแฟอาราบิก้า - แมคคาเดเมีย รูปแบบวิธีการจัดกิจกรรม - มีจุดถ่ายรูป ลานจอดรถ ห้องน้ำ ให้บริการ - เดินชมแปลงเรียนรู้ (ไม้ดอก , ไม้หอม , พืชอนุรักษ์) พร้อมเรียนรู้การเพาะขยายพันธุ์ และการปลูก/ดูแลรักษา - มีจุดจำหน่ายสินค้าชุมชน ผลิตภัณฑ์, พืชผัก, ไม้ผล, พืชไร่ - มีบริการเครื่องดื่ม กาแฟ ชาเจียวกูหลาน - มีบริการบ้านพัก / จุดกางเต้นท์ การมีส่วนร่วมของนักท่องเที่ยว - ชม ชิม ช้อป สินค้าชุมชน ผลิตภัณฑ์กระเป๋า ของที่ระลึก สินค้าเกษตร ไม้ผลเมืองหนาว พืชไร่ พืชผักตามฤดูกาล - ถ่ายรูป เช็คอิน แปลงไม้ดอก/ทิวลิป - เดินชมแปลงเรียนรู้ภายในศูนย์ฯ - ดื่มด่ำบรรยากาศทะเลหมอกในฤดูหนาวของจังหวัดเชียงราย โปรแกรมการท่องเที่ยว: โปรแกรม 2 วัน 1 คืน วันที่หนึง 09.30 ออกเดินทางจากท่าอากาศยานนานาชาติแม่ฟ้าหลวง เชียงราย เดินทางสู่ไร่เชิญตะวัน 10.00 แวะรับทานอาหารเช้า ณ ร้าน “ภูเทียนรีสอร์ท” / “จุ๋ยกุ้งเผา” 11.00 ไร่เชิญตะวัน ศึกษาธรรมะกับแนวคิดมหาวิชชาลัยพุทธเศรษฐศาสตร์ (สถาบันการศึกษาทางเลือก เพื่อการพัฒนาตามปรัชญาพุทธเศรษฐศาสตร์) เกษตรธรรมชาติแบบครบวงจร 12.00 ออกเดินทางจากไร่เชิญตะวัน แวะรับประทานอาหาร ณ ร้าน “ลานนาตะวันวา” 13.00 ชมการสาธิตการคั่วชาอัสสัมและการทำเมี่ยง แบบดั่งเดิมโดยชุมชนเกษตรกรวิสาหกิจชุมชนผลิตชาแม่ลอย 14.00 ออกเดินทางจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผลิตชาแม่ลอย สู่ไร่รื่นรมย์ ต.งิ้ว อ.เทิง 14.30 ชมความงดงามของฟาร์มออแกนิคโดยคนรุ่นใหม่ รับประทานอาหารว่าง จากไร่จากแปลงเกษตรอินทรีย์โดยตรงเพื่อสุขภาพเรียนรู้และประสบการณ์ใหม่ๆ ทั้งหลักการและการลงมือทำ 15.00 ออกเดินทางจากไร่รื่นรมย์ สู่ศูนย์ฯ ดอยผาหม่น 17.00 รับประทานอาหารค่ำแบบชนเผ่า ปิ้งย่าง กิจกรรมรอบกองไฟ พร้อมชมการแสดงจากกลุ่มยุวเกษตรกรชาติพันธุ์ ศิลปวัฒนธรรมชนเผ่าจากชุมชน ท่ามกลางธรรมชาติและอาทิตย์อัสดง วันที่สอง 04.30 ตื่นนอน ทำภารกิจส่วนตัว 05.00 เดินทางสู่ยอดภูชี้ฟ้า ชื่นชมทัศนียภาพอันงดงามตามธรรมชาติ ขุนเขาและทะเลหมอก 06.00 เดินทางกลับสู่ ศูนย์ฯ ดอยผาหม่น 07.00 รับประทานอาหารเช้า 08.00 รื่นเริงกับกิจกรรมทางการเกษตรของศูนย์ฯ ดอยผาหม่น ชมแปลงไม้หอม ดอกทิวลิป ชมความงดงามของแปลง ซิมบีเดียม และแปลงเรียนรู้การปลูกกาแฟ อโวคาโด และแมคคาเดเมีย ชิมกาแฟสด คุณภาพสูงจากเกษตรกรผู้ผลิต 12.00 พักรับทานอาหารกลางวัน 13.00 เดินทางสู่กลุ่มผู้ผลิตกาแฟอินทรีย์บ้านบ้านพิทักษ์ไทย 13.30 เดินชมแปลงกาแฟอินทรีย์กลุ่มเกษตรกรผู้ผลิตกาแฟอินทรีย์บ้านพิทักษ์ไทย ร่วมศึกษากรรมวิธีการปลูกกาแฟอินทรีย์คุณภาพดี ซื้อสินค้าที่ระลึกจากชุมชนชาติพันธุ์ 14.30 เดินทางสู่หอนาฬิกาจังหวัดเชียงราย แลนด์มาร์คที่สำคัญของจังหวัดเชียงราย 16.00 ซื้อผลิตภัณฑ์ชุมชน อาหารพื้นเมือง ของฝาก ของที่ระลึก เส้นทางเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ: 1) ภูชี้ฟ้า ต.ตับเต่า อ.เทิง ระยะทาง 11 ก.ม 2) ผาตั้ง ต.ปอ อ.เวียงแก่น ระยะทาง 36 ก.ม 3) ดอยชมดาว ต.ตับเต่า อ.เทิง ระยะทาง 6 ก.ม
เชียงราย