คำค้นยอดฮิต: ข้าวเหนียวมะม่วง ของขวัญออแกนิค ผลไม้สด
TH | EN
฿ 0.00
กลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านบัวเทิง
กลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตรบ้านบัวเทิง ตำบลท่าช้าง อำเภอสว่างวีระวงศ์ จังหวัดอุบลราชธานี
Image
Image
Image
Image
สภาพอากาศวันนี้
อยู่ในเวลาปิดทำการ
วันเวลาทำการ
• วันอาทิตย์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันจันทร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันอังคาร
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพุธ
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพฤหัสบดี
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันศุกร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันเสาร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
หมายเหตุ
: -
แผนที่และพิกัดที่ตั้ง
คะแนนรีวิว
0
ความพร้อมสถานที่
0
ความคุ้มค่า
0
การให้บริการ
0
อ่านทั้งหมด >
รายละเอียด
ชุมชนบ้านบัวเทิง ศูนย์แห่งการเรียนรู้วิถีชีวิตการดำรงชีวิตเพื่อความสุขอย่างพอเพียง การทำการเกษตรผสมผสาน เกษตรปลอดสารพิษ และแหล่งเรียนรู้การทำปุ๋ยหมักจุลินทรีย์ชีวภาพ ประโยชน์และการใช้ปุ๋ยหมักชีวภาพกับการเกษตร การใช้ภูมิปัญญาท้องถิ่นในการพัฒนาการเกษตรให้เหมาะสมกับพื้นที่ภาคอีสานที่ร้อนและแห้งแล้ง
ประวัติความเป็นมา
ชุมชนบ้านบัวเทิง ก่อตั้งขึ้นเมื่อประมาณ พ.ศ. 2372 คนกลุ่มแรกที่เข้ามาอยู่เป็นชาวลาวเวียงหรือลาวจากเวียงจันทร์ สาเหตุมาจากขณะนั้นไทยยกทัพไปตีเวียงจันทร์ ทำให้คนลาวแตกทัพหนีเข้ามาในไทย แรกทีเดียวมาตั้งบ้านเรือนอยู่ที่โนนบ้านบัวท่า เพราะเห็นว่ามีป่าและน้ำอุดมสมบูรณ์ดี มีหนองน้ำขนาดใหญ่ชื่อหนองบัวหล่มใช้ทำมาหากิน ต่อมาหลังเกิดสงครามอินโดจีนประมาณ ปี พ.ศ. 2482-2483 จึงพากันย้ายถิ่นฐานจากโนนบ้านบัวท่า สาเหตุของการย้าย เนื่องจากในช่วงนั้น จะมีทหารมาเกณฑ์คนเข้าไปทำงานในการซ่อมแซมตึกรามบ้านช่องที่เสียหายจากสงคราม ในเมืองอุบลราชธานี คนลาวที่รวมกันอยู่ที่โนนบ้านบัวท่ากลัวจึงแยกย้ายกันหลบหนี และมารวมกลุ่มกันตั้งบ้านเรือนอยู่บริเวณหนองน้ำที่เรียกชื่อว่า หนองบัวหล่มเก่า ใช้ทำมาหากิน ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ เป็นที่อยู่ในปัจจุบัน ผู้นำชุมชนในขณะนั้นชื่อพ่อใหญ่หนูกะลอม ตั้งชื่อหมู่บ้านว่าบ้านหนองบัวหล่ม แต่ที่ตั้งหมู่บ้านอยู่ที่สูงจึงเปลี่ยนชื่อใหม่ให้สอดคล้องกับที่ตั้ง โดยเอาชื่อ “หนองบัว” มารวมกับคำว่า “เทิง” ซึ่งแปลว่าสูง เป็นชื่อใหม่ว่า “บ้านบัวเทิง” และตั้งหมู่บ้านเป็นทางการเมื่อประมาณ พ.ศ.2483 ชาวบ้านบัวเทิงนิยมปลูกผักสวนครัวไว้กินเองพืชผักที่ปลูกเป็นพืชผักปลอดสาร นอกจากนี้ด้วยความที่ชุมชนมีสภาพพื้นที่เหมาะกับการเกษตร และเพาะปลูก จึงสามารถปลูกไม้ผลที่มีถิ่นกำเนิดจากภาคตะวันออกและภาคใต้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น ทุนเรียน จากเมืองจันทบุรี ลูกใหญ่ กลิ่นหอม สวนกล้วยหอมทองลูกโต หอมหวาน สวนพุทรารสชาติเยี่ยม สวนแก้วมังกรและแปลงดอกเบญจมาศ ชาวบ้านบัวเทิงนับถือศาสนาพุทธและศาสนาคริสต์และมีความเชื่อในอำนาจของสิ่งลี้ลับที่มองไม่เห็น และความเชื่อในสิ่งที่สืบทอดต่อกันมา เช่น ไหว้เสาหลักบ้าน (หลักเมือง) เป็นต้น
ลักษณะเด่น
เป็นศูนย์แห่งการเรียนรู้วิถีชีวิตการดำรงชีวิตเพื่อความสุขอย่างพอเพียง
ที่มาข้อมูล
Thailand Tourism Directory
ข้อมูลแนะนำ
ราคาค่าเข้าชม
• ราคาค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่าย
• หมายเหตุ : -
รีวิว (0)
0
จาก 5.0
ความพร้อมสถานที่
ความคุ้มค่า
การให้บริการ
แนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่คล้ายกัน
ศูนย์ศึกษาพัฒนาการสังคมหมู่บ้าน(วนเกษตร) หรือ บ้านศานติธรรม ภายในอาณาบริเวณเกือบ 10 ไร่ มีพันะุ์ไม้กว่า 700-800 ชนิด เป็นสมุนไพรรักษาโรคต่างๆ ภายในมีเรือนไม้แบบไทยมุงด้วยกระเบื้องว่าว ใต้ถุนสูงสำหรับประชุมหรือบรรยาย ชั้นบนใช้เก็บและแสดงเครื่องมือเครื่องใช้พื้นบ้านวัตถุโบราณ ของใช้รุ่นเก่าต่างๆ ด้านหลังบ้านมียุ้งข้าวจำลองและอุปกรณ์นวดข้าว สีข้าว บริเวณบ้านส่วนหนึ่งจัดไว้เป็นที่สำหรับตั้งค่ายพักแรมสำหรับเยาวชน มีลานสันทนาการ และบริเวณทำกิจกรรม สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ คุณวิบูลย์ เข็มเฉลิม
ฉะเชิงเทรา
สับปะรด ไอศกรีมสับปะรด น้ำสับปะรดสด
ระยอง
น้ำตก ผาสวรรค์ เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ลดหลั่นกันถึง 7 ชั้น และยังคงความสมบูรณ์ตาม ธรรมชาติ ชื่อน้ำตกผาสวรรค์ เนื่องจากสายน้ำตกไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง โดยเฉพาะชั้นสูงที่สุดมีความสูง 80 เมตร ชาวบ้านจึงเปรียบเทียบว่าน้ำตกไหลลงมาจากสวรรค์ ช่วงเวลาที่สวยงามมีน้ำมากอยู่ในช่วงหลังฤดูฝน การเดินทาง จากอำเภอทองผาภูมิใช้ทางหลวงหมายเลข 323 กาญจนบุรี-ทองผาภูมิ รวมระยะทาง 33.8 กิโลเมตร หรือจากตัวเมืองกาญจนบุรีใช้ทางหลวงหมายเลข 323 กาญจนบุรี-ทองผาภูมิ บริเวณกิโลเมตรที่ 109 เลี้ยวซ้ายผ่านบ้านสหกรณ์นิคมเข้าไป 15 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาบริเวณทางแยกดินลูกรัง 13 กิโลเมตร รวมระยะทาง 155 กิโลเมตร หรือใช้เส้นทางเชื่อมต่อจากน้ำตกผาตาด หรือขับรถจากน้ำตกห้วยแม่ขมิ้น ผ่านเหมืองเนินสวรรค์ หมู่บ้านสะพานลาว ระยะทาง 42 กิโลเมตร ถึงทางแยกบริเวณโครงการปลูกป่า เลี้ยวซ้าย 13 กิโลเมตร ถึงที่จอดรถ เดินเท้าต่ออีก 40 นาที ถึงตัวน้ำตก เดินทางในฤดูฝนควรใช้รถยนต์ขับเคลื่อนสี่ล้อ
กาญจนบุรี
เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร ที่ยังคงมีความเป็นธรรมชาติ และบริสุทธิ์ อบอุ่นไปด้วยวิถีชีวิตที่งดงามของชาวเขา ในช่วงเดือน ก.ย.-ต.ค. ซึ่งป็นฤดูทำนาข้าว นักท่องเที่ยวจะได้ชม
แม่ฮ่องสอน