คำค้นยอดฮิต: ข้าวเหนียวมะม่วง ของขวัญออแกนิค ผลไม้สด
TH | EN
฿ 0.00
ท่องเที่ยววิถีเกษตร บ้านน้อยในป่าใหญ่ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
ท่องเที่ยววิถีเกษตร บ้านน้อยในป่าใหญ่ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ตำบลวังตะกอ อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร
Image
Image
Image
Image
สภาพอากาศวันนี้
อยู่ในเวลาปิดทำการ
วันเวลาทำการ
• วันอาทิตย์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันจันทร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันอังคาร
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพุธ
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพฤหัสบดี
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันศุกร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันเสาร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
หมายเหตุ
: -
แผนที่และพิกัดที่ตั้ง
คะแนนรีวิว
0
ความพร้อมสถานที่
0
ความคุ้มค่า
0
การให้บริการ
0
อ่านทั้งหมด >
รายละเอียด
บ้านน้อยในป่าใหญ่ ศูนย์เรียนรู้วิถีเศรษฐกิจพอเพียงซึ่งก่อตั้งโดยเกษตรกรรุ่นใหม่ไฟแรงที่ต้องการจะถ่ายทอดการทำการเกษตรแบบพอเพียง ใช้บ้านและสวนเป็นแหล่งให้คนภายนอกได้มาเรียนรู้
ประวัติความเป็นมา
นางสาวเมธยา ภูมิระวิ (เมย์) กล่าวว่าหลังจากเรียนจบปริญญาตรี จากมหาวิทยาลัยราชภัฎสวนดุสิต สาขาวิทยาการคอมพิวเตอร์ ปี ๒๕๕๒ หันหลังจากเมืองกรุง กลับมาทำเกษตรแบบเต็มรูปแบบ เพื่อสานฝันของพ่อกับแม่ที่วาดไว้ให้สำเร็จผลและเป็นรูปธรรมมากขึ้น ซึ่งผนวกระหว่างวิถีชีวิตยุครุ่นปู่รุ่นย่า กับ วิถีชีวิตยุคเศรษฐกิจตาโต ให้อยู่ร่วมกันอย่างลงตัว โดยพ่อได้ตั้งชื่อรุ่นนี้ว่า “รุ่นรวยเบ็ดเสร็จ ๗ ชั่วโคตร” และเหตุผลสำคัญที่หันกลับบ้านเกิด เพราะ พ่อกับแม่ ท่านไม่ได้เรียนจบสูงๆเหมือนคนอื่นเขา แต่ท่านทั้ง ๒ สามารถส่งเราและพี่สาว จบปริญญาตรี ปริญญาโทได้ โดยใช้แค่ ๑ สมอง ๒ มือ ด้วยวิถีเกษตร ช่วงที่ศึกษาอยู่ที่เมืองกรุง เราก็ใช้ชีวิตเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป เที่ยว กินเหล้า ใช้ชีวิตแบบเต็มที่ ระยะเวลา ๔ ปี พ่อกับแม่ไปหาแค่ ๒ ครั้ง ครั้งแรกเราไม่สบาย และครั้งที่ ๒ เราตัดสินใจว่ากลับมาอยู่บ้าน พ่อ บอกว่าห้องที่เราอยู่ไม่ต่างอะไรเลยกับคอกไก่ อยู่กันเป็นช่องๆหลายๆชั้น แล้วพอได้ไปฝึกงานกับบริษัทหนึ่งใน กรุงเทพ ทำให้เรารู้ตัวตนเลยว่าชีวิตในเมืองกรุงไม่ใช่วิถีของเรา เราคิดว่าทำไมคนถึงชอบอยู่กันในเมืองกรุง เช้ามาเร่งรีบเพื่อให้ทันเข้างาน แล้วก็ไปนั่งกันในห้องมีฉากกั้น เที่ยงกินข้าว พอตกเย็นก็สังสรรค์กัน หรือไม่ก็รีบ กับที่พักเพราะว่ากลัวรถติด แค่ระยะเวลา ๓ เดือน ทำให้เราคิดได้ว่า “กลับบ้านเถอะ” เมื่อกลับบ้านมาได้มีโอกาสได้ทำงานที่ศูนย์เรียนรู้ตามศาสตร์พระราชา ในโครงการพัฒนาพื้นที่หนอง ใหญ่ตามแนวพระราชดำริ จังหวัดชุมพร เป็นเวลา ๔ ปี ทำให้ได้เรียนรู้เกี่ยวกับคำว่า”ศาสตร์ของพระราชา” มากขึ้น ได้เพื่อน ได้งานและได้พัฒนาตน จากการลงมือทำมากขึ้น เปรียบเสมือนเราได้เบ็ดมา เพื่อไปต่อยอดในงานที่ชอบ ช่วงที่เรากลับบ้านมาใหม่ๆ มีรายการ “คนหวงแผ่นดิน ตอน ชุมชนวังตะกอ” มาถ่ายทำพอดีพ่อให้เรา เข้าร่วมรายการด้วย ก็คิดในใจตลอดที่ทีมงามเค้าถ่ายทำว่า เราทำได้ไหมแบบนี้ จนมีโปรดิวเซอร์รายการบอกหลังจากนั้นว่า “ครั้งแรกที่เจอเรา คิดว่าเราสร้างภาพ ทำอะไรไม่เป็น” จนมาเมื่อปี ๒๕๕๘ ได้มีโอกาสเจอโปรดิวเซอร์คนนั้นอีกครั้ง พี่เขาบอกว่า “พี่มองผิดจริงๆ”
ลักษณะเด่น
ศูนย์เรียนรู้วิถีเศรษฐกิจพอเพียง
ที่มาข้อมูล
Thailand Tourism Directory
ข้อมูลแนะนำ
ราคาค่าเข้าชม
• ราคาค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่าย
• หมายเหตุ : -
รีวิว (0)
0
จาก 5.0
ความพร้อมสถานที่
ความคุ้มค่า
การให้บริการ
แนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่คล้ายกัน
พระธาตุกู่จาน ตั้งอยู่ภายในวัดบ้านกู่จานเป็นปูชนียสถานสำคัญ ประชาชนชาวเมืองยโสธรและจังหวัดใกล้เคียงต่างสักการะบูชา ลักษณะเป็นเจดีย์ทรงบัวเหลี่ยมรูปทรงคล้ายพระธาตุพนมแต่มีขนาดเล็กกว่า ส่วนของฐานล่างรูปบัวคว่ำบัวหงายเตี้ยๆ รองรับฐานสูงรูปสี่เหลี่ยมเรียบต่อด้วยทรงบัวเหลี่ยม ประดับตกแต่งด้วยลวดลายประณีตสวยงามตามโบราณ และยอดพระธาตุทรงเหลี่ยมรองรับฉัตรซึ่งเป็นยอดบนสุด จากหลักฐานน่าจะสร้างขึ้นตามคตินิยมในการสร้างพระธาตุทั่วไป คือ เพื่อการบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ แต่ละปีจะมีการจัดพิธีสรงน้ำเพื่อรักษาประเพณีที่ดีงามเอาไว้ ลักษณะทางสถาปัตยกรรม องค์พระธาตุกู่จาน กว้าง 5.10 เมตร สูง 15 เมตร ที่ตั้ง ตั้งอยู่ที่บ้านงิ้ว กลางลานวัดกู่จาน ตำบลกู่จาน อำเภอคำเขื่อนแก้ว จังหวัดยโสธร ซึ่งดูลักษณะแล้วคล้ายคลึงกับองค์พระธาตุพนม ต่างกันเพียงขนาดซึ่งพระธาตุกู่จานมี ขนาดเล็กกว่า ความสำคัญต่อชุมชน : เป็นที่สักการะของชาวเมืองยโสธรและจังหวัดใกล้เคียง ทุกๆ ปี ชาวตำบลกู่จานจะนำน้ำอบ น้ำหอมไป ทำพิธีสรงน้ำพระธาตุในช่วงเช้าของวัน เพ็ญ เดือน 6 ตอนบ่ายจะไปทำพิธีสรงน้ำ "กู่" หลังจากนั้นจะพากันไปที่หนองสระพัง เพื่อนำน้ำที่หนองสระพังมาทำพิธี สรงน้ำพระธาตุและใบเสมา ซึ่งพิธีกรรมดังกล่าวนี้ ต้องกระทำเป็นประจำทุกปี มีความเชื่อว่าหากไม่ทำพิธีดังกล่าวแล้วจะทำให้ ฝนฟ้าไม่ตกต้องตามฤดูกาล ชาวบ้านกู่จานจึงได้ถือปฏิบัติพิธีนี้เป็นประจำ
ยโสธร
สวนท่องเที่ยว ทุเรียนผลสดสินค้าแปรรูป
ระยอง
สวนมังคุดแปลงใหญ่ ชิมผลไม้สดจากสวน เที่ยวชมสวน รับประทานผลไม้กับบรรยากาศร่มรื่น เเละจำหน่ายผลไม้คุณภาพหลากหลาย ผลิตภัณฑ์แปรรูป ของฝาก ร้านกาแฟ
ระยอง
สวนโบราณ 200 ปี เป็นสวนที่มีการใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในระยะยาว เพื่อคนจำนวนมากที่สุด สวน 200 ปี ตั้งอยู่เลขที่ 5 หมู่ที่ 11 ตำบลแหลมทราย อำเภอหลังสวน จังหวัดชุมพร ห่างจากตลาดหลังสวนราว 2 กิโลเมตร ผู้ที่ดูแลสวนอยู่ในปัจจุบันคือ คุณลุงสำเริง รัชเวทย์ ทายาทช่วงที่ 4 ของตระกูล สวน 200 ปี เป็นสวนเบญจพรรณ คือปลูกไม้ผลหลายๆ ชนิดรวมกัน โดยไม่ได้แบ่งเขต แบ่งโซน ชนิดของไม้ผลมีทุเรียนพื้นบ้าน มังคุด เงาะพื้นบ้าน ลางสาด หมาก มะพร้าว จันทน์เทศ สะตอ ลูกเนียง ละมุด จำปา ขนุน มะไฟ กล้วย ไผ่ พืชผักสวนครัว สมุนไพรต่างๆ สำหรับการบำรุงรักษา อาศัยธรรมชาติเป็นหลัก ปราศจากการใช้ปุ๋ยเคมีเพื่อเร่งการเจริญเติบโต การบำรุงดินทำโดยเลี้ยงหญ้าบำรุงดิน ช่วยให้ดินมีความชุ่มชื้นตลอดปี ส่วนปุ๋ยเป็นปุ๋ยจากธรรมชาติ เป็นวัฏจักรหมุนเวียน เช่น ใบไม้ และซากพืชล้มลุกที่ทับถมตลอดปี ส่วนการป้องกันกำจัดศัตรูพืช มีนก กระรอก กระแต คอยจับกินหนอน แมลง เป็นอาหาร ต้นทุนในการดูแลสวน แยกออกได้เป็นส่วนๆ คือ เมื่อถึงฤดูเก็บเกี่ยวผลผลิต ต้องจ้างแรงงานถางหญ้าบ้าง โดยเฉพาะโคนต้นเพื่อให้การเก็บเกี่ยวได้สะดวก ส่วนต่อมาคือถางบริเวณที่จะปลูกต้นไม้ซ่อมแซมลงไป
ชุมพร
พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 ทรงเห็นความสำคัญของการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชมาเป็นเวลานาน ก่อนคำว่า “ความหลากหลายทางชีวภาพ (BIOLOAGICAL DIVERSITY)”และอนุรักษ์ (COUSERVATION) จะเป็นที่รู้จักกันดีในประเทศไทย จากการเสด็จแปรพระราชฐานไปประทับ ณ วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ในปี พ.ศ. 2503 เมื่อเสด็จผ่านอำเภอท่ายาง จังหวัดเพชรบุรี ทอดพระเนตรเห็น ต้นยางนาขนาดใหญ่ขึ้นเป็นจำนวนมาก ทรงมีพระราชทานให้เก็บเมล็ดพันธุ์ยางนาไปเพาะที่ตำหนักเปี่ยมสุข วังไกลกังวล อำเภอหัวหิน และนำต้นยางนาที่เพาะได้ นำมาปลูก ในสวนจิตรลดา เพื่อเป็นแหล่งศึกษา ต่อมาในปี พ.ศ. 2528 ทรงมีพระราชทานพระราชดำริให้ทำการอนุรักษ์ต้นขนุนในพระบรมมหาราชวัง และได้ดำเนินโครงการอนุรักษ์พรรณไม้ ในพระราชวังต่างๆ โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อ ต่อมาในปี พ.ศ. 2529 ทรงมีพระราชดำริให้มีการอนุรักษ์ และขยายพันธุ์หวายรวมทั้งดำเนินการจัดสร้างสวนสมุนไพรในโครงการสวนพระองค์ ฯ สวนจิตรลดา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามพระบรมราชกุมารี ทรงสืบต่องานอนุรักษ์พันธุกรรมพืชโดยทรงมีพระราชดำริกับท่านเลขาธิการพระราชวัง ให้มีการดำเนินการอนุรักษ์พืชพรรณของประเทศ ในเดือน มิถุนายน 2535 ซึ่งมีโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ ได้จัดสร้างธนาคารพืชพรรณสำหรับเก็บรักษาเมล็ดพันธุ์โดยการเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อรวมทั้งการศึกษาที่มิใช่พืชเศรษฐกิจให้มีการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชโดยนำพระราชดำริ มาเป็นกรอบในการดำเนินการ เมื่อปี พ.ศ. 2536 นายสุจินต์ ภูนิคม กำนันตำบลสลุย อำเภอท่าแซะ จังหวัดชุมพร และคณะได้ประสานงานหารือกับผู้อำนวยการบริษัทอุลตร้าโปรดักส์ จำกัด และเกษตรกรจังหวัดชุมพรในการนำพื้นที่สาธารณะประโยชน์ซึ่งตั้ง ณ หมู่ที่ 6 ตำบลสลุย (ปัจจุบัน หมู่ที่ 5,6 ตำบลสลุย และ หมู่ที่ 4 ,7 ตำบลสองพี่น้อง) เพื่อจัดทำโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ ซึ่งขณะนั้น โครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาก็กำลังจัดหาพื้นที่เพื่อจัดทำโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ต่อมาทางโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา โดยศาสตราจารย์พิเศษประชิด วามานนท์ (ที่ปรึกษาโครงการส่วนพระองค์) พร้อมคณะได้เดินทางมาพบผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพร (นายประยูร พรหมพันธุ์) เพื่อปรึกษาหารือในการจัดทำโครงการโดยใน ระยะ 5 ปี แรกได้ใช้ ชื่อโครงการว่า “โครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้และพิพัฒน์พรรณไม้ ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดชุมพร” โดยสำนักงานเกษตรจังหวัดชุมพร จึงได้ทำโครงการเสนอความเห็นชอบจากผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรและได้จัดส่งเอกสารโครงการไปยังผู้อำนวยการโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา เพื่อโปรดนำความกราบบังคมทูลพระกรุณาทราบฝ่าละอองพระบาทในโอกาสอันสมควรและทางโครงการส่วนพระองค์ได้แจ้งตอบรับ เรื่องการนำโครงการอนุรักษ์พันธุไม้และพิพัฒน์พรรณพืชฯ จังหวัดชุมพร ทราบฝ่าละอองพระบาท เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2536 และในการดำเนินโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดาได้ผนวกโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้ และพิพัฒน์พรรณพืชของจังหวัดชุมพร เข้ากับโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริในส่วนกลางมีดร.พิศิษฐ์ วรอุไร เป็นประธานคณะกรรมการ และจากการประชุมกรรมการ เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2540 ที่ประชุมมีมติเปลี่ยนชื่อโครงการอนุรักษ์พันธุ์ไม้และพิพัฒน์พรรณพืช ตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดชุมพร เป็นชื่อ “โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี จังหวัดชุมพร”
ชุมพร
สวนยายดา-เจ๊บุญชื่น เป็นสวนผลไม้ผลแบบผสมผสาน มีกิจกรรมชมสวนบุฟเฟต์ กินอิ่มนอนเล่นได้ทั้งวัน พร้อมส้มตำบุฟเฟต์ มีการบริการจัดคณะทัวร์ รับประทานอาหารในสวน มีผลิตภัณฑ์ทุเรียนทอด และทุเรียนกวนจากสวนยายดา ทำเอง สูตรลับเฉพาะ กรอบ อร่อย มีกะปิระยองแท้ ทำเองแบบดั้งเดิม และมีการจำหน่ายผลไม้สดๆ โปรแกรมการท่องเที่ยว - เดือน ธันวาคม-มกราคม มาชมดอกทุเรียนบาน ดูวิธีผสมเกสรทุเรียน เงาะ สละ   - เดือน กุมภาพันธ์-มีนาคม เป็นฤดูมะปรางหวานมะยงชิด       - เดือน เมษายน - มิถุนายน จะเป็นช่วงที่ผลไม้ออกพร้อมกันมากที่สุด กิจกรรมบุฟเฟ่ต์ผลไม้ เส้นทางเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ (พร้อมระยะทาง/กม.)  - หาดแม่รำพึง 8 กม., หาดสวนสน 15 กม.,  สถานีแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง 13 กม., ตลาดกลางผลไม้ตะพง 6 กม., ท่าเรือไปเกาะเสม็ด 12 กม. สินค้าวิสาหกิจชุมชนในชุมชน ผลิตภัณฑ์แปรรูปทางการเกษตร, ทุเรียนทอด, กะปิคุณภาพ, ผลไม้คุณภาพ
ระยอง
ไร่สุขถวิล อินทผลัมเมืองช้าง 164 หมู่ 5 ตำบลหนองระฆัง อำเภอสนม จังหวัดสุรินทร์ 32160
สุรินทร์
คุณลือศักดิ์ เป็นเจ้าของศูนย์ฝึกลิงกะแดะแจะ ได้เรียนวิธีการสอนลิงกังมาจากคุณพ่อซึ่งเป็นครูฝึกลิง ทุกเช้าคุณลือศักดิ์จะนำลิงกังไปยังสวนมะพร้าว สอน มันให้ปีนขึ้นต้นมะพร้าว เลือกลูกมะพร้าวสุก และปลิดมะพร้าวออกจากต้น นอกจากนี้แล้ว คุณยังสามารถค้างคืนที่บ้านคุณลือศักดิ์ได้ในราคาไม่แพง ศูนย์ฝึกลิงกระแดะแจะนำลิงกังตัวผู้มาสอนเก็บมะพร้าว ลิงสามารถเก็บมะพร้าวได้ วันละ 500-1000 ลูกต่อวัน
สุราษฎร์ธานี
กลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตรอำเภอวารินชำราบ จังหวัดอุบลราชธานี ประกอบไปด้วยสวนเกษตรอินทรีย์ 6 สวนดังนี้ - สวนจันทร์ชื่น ตั้งอยู่ที่ 8 ม.8 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เอกลักษณ์ของสวนจะมีการทำบ่อปลาร่วมกับเกษตรอินทรีย์ผสมผสาน เช่น มะพร้าวน้ำหอม ,กล้วยหอมทอง,เตยหอม,และผลไม้อื่นๆอีกมากมาย - สวนสละอุบล(สละอินโด) ตั้งอยู่ที่ 162 ม.10 ต.คำขวาง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เอกลักษณ์ของสวนจะเป็นการทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน เช่น สละอินโด กล้วยสายพันธุ์ต่างๆ มะละกอหลากหลายสายพันธุ์ ไม้ประดับนกน้อยนำโชคและใบไม้สีทอง - บ้านกะสวน ตั้งอยู่ที่ 235 ม.10 ต.ธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เอกลักษณ์ของสวนจะเป็นการทำเกษตรอินทรีย์ผสมผสาน เช่น มัลเบอร์รี่ ,มะเดื่อฝรั่ง,หญ้าหวาน และพืชผัก ผลไม้อีกหลากหลายสายพันธุ์ จุดเด่นจะมีผลิตภัณฑ์ที่แปรรูปจากผลผลิตภายในสวน - นิรมลฟาร์มม้า ตั้งอยู่ที่ 227 ม.1 ต.คำขวาง อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เอกลักษณ์ของสวนจะอยู่ที่เป็นฟาร์มม้า มีม้าหลากหลายสายพันธุ์มีรถม้า ซึ่งเป็นสัญลักษณ์อดีตของอำเภอวารินชำราบ มีสนามสำหรับขี่ม้า และมีการทำเกษตรอินทรีย์แบบผสมผสาน - สวนลิ้นจี่สุวรรณกูฎ ตั้งอยู่ที่ 86 ม. 8 ตำบลธาตุ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เอกลักษณ์ของสวนจะเป็นสวนผลไม้อินทรีย์ผสมผสาน เช่น ลิ้นจี่ ,แก้วมังกร ,ฟาร์มเห็ด ,กล้วย ,มังคุด ,ขนุน ,ทุเรียน โดยในสวนจะมีร้านกาแฟและอาหารที่นำผลผลิตจากภายในส่วนมาเป็นวัตถุดิบในการทำอาหาร - สวนรัชภูโต ตั้งอยู่ที่ 59 ม.10 ต.แสนสุข อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี เอกลักษณ์ของสวน จะเป็นการทำสวนเกษตรอินทรีย์ผสมผสาน เช่น มะเม่า ,กล้วยหอมคาเวนดิช ,มะละกอ พืช ผักอินทรีย์ จุดเด่นจะเป็นสถานที่เรียนรู้ระบบธนาคารน้ำใต้ดิน โปรแกรมการท่องเที่ยว: โปรแกรมท่องเที่ยว 2 วัน 1 คืน ราคา 990/คน (30 คน) รูปแบบกิจกรรม ของกลุ่มท่องเที่ยวเชิงเกษตรและแปรรูปผักผลไม้อินทรีย์ วันที่ 1 9:00-11:00 สวนรัชภูโต  ต้อนรับนักท่องเที่ยวด้วยพวงมาลัยดอกไม้  เดินชมสวนเกษตรผสมผสาน  เรียนรู้ระบบธนาคารน้ำใต้ดิน  เบรก ด้วยผลิตภัณฑ์จากสวน  กิจกรรมเพาะปลูกพืชผัก นำพืชผักที่เพาะปลูกกลับได้ด้วย 11:30-13:30 สวนสละอุบลสละอินโด  รับประทานอาหารเที่ยง อาหารพื้นบ้าน (ข้าวป่า)  เดินชมสวน /ผลไม้ตามฤดูกาล  เรียนรู้การตอนมะละกอ  กิจกรรม เพาะสละอินโด รับต้นไม้ที่เพาะกลับได้ด้วย 14:00-16:00 บ้านกะสวน  เดินชมสวนเก็บผลไม้ทำกิจกรรม  เบรก ด้วยผลิตภัณฑ์จากสวน  เรียนรู้พืชสมุนไพรเพื่อสุขภาพ  กิจกรรมแปรรูป มัลเบอร์รี่,มะเดื่อฝรั่ง,หญ้าหวาน  แนะนำผลิตภัณฑ์ของกลุ่มและรับของฝากจากสวน 16:30-18:00 นิรมลฟาร์มม้า  ขี่รถม้า จากบ้านกะสวน ไปยัง นิรมลฟาร์มม้า  ขี่ม้า/เดินชมสวนเกษตรผสมผสาน  เรียนรู้การขี่ม้าเบื้องต้น  กิจกรรมร่วมกับม้า การขี่ม้า,บังคับม้า,ถ่ายภาพกับม้า,อาบน้ำม้า ,โชว์ม้าแสนรู้ สถานที่พักค้าคืน นิรมลฟาร์มม้า หรือ สวนลิ้นจี่สุวรรณกูฏ 19:00-22:00 นิรมลฟาร์มม้า (กางเต้นท์นอน สไตล์คาวบอย) หรือ สวนลิ้นจี่สุวรรณกูฏ  รับประทานอาหารเย็น  รำบายศรี ,การแสดงชุมชน  กิจกรรมนันทนาการ วันที่ 2 7:00 – 8:30 นิรมลฟาร์มม้า หรือ สวนลิ้นจี่สุวรรณกูฏ  ตักบาตร ,ฟังธรรม  รับประทานอาหารเช้า 9:00-11:00 สวนลิ้นจี่สุวรรณกูฏ  เดินชมสวนลิ้นจี่,แก้วมังกร/ผลไม้ตามฤดูกาล  เบรก ด้วยผลิตภัณฑ์จากสวน  เรียนรู้การเพาะเห็ดนางฟ้า  กิจกรรมฟาร์มเห็ด นำก้อนเห็ดกลับได้ด้วย 11:30-13:30 สวนจันทร์ชื่น  เดินชมสวน/ผลไม้ตามฤดูกาล/ให้อาหารปลา  เรียนรู้การทำปุ๋ยหมักไม่กลับกอง  กิจกรรมเพาะชำต้นไม้ นำต้นไม้ที่เพาะชำกลับได้ด้วย  รับประทานอาหารเที่ยง เส้นทางเชื่อมโยงกับแหล่งท่องเที่ยวอื่น ๆ: - วัดหนองป่าพง (หลวงปูชา) 12 กิโลเมตร - ฟาร์มฮัก ป.อุบล 15 กิโลเมตร - ทุ่งหนองหญ้าม้า 5 กิโลเมตร - สวนไม้ดอกไม้ประดับบ้านตาติด 15 กิโลเมตร - หาดคูเดื่อ 15 กิโลเมตร - ท่องเที่ยวชุมชนใกล้เคียง(จักรยาน) แปลงผัก,แปลงดอกไม้,ฟาร์มเลี้ยงหนูนา,วัดคำขวาง,บ้านสมุนไพร
อุบลราชธานี
นักท่องเที่ยวท่านใดที่เดินทางมาที่สวนลำดวน ถ้าได้มาแล้วไม่มีคำว่าผิดหวังแน่นอน กับการได้รับประทานบุฟเฟ่ต์ผลไม้ ทั้ง เงาะ ทุเรียน มังคุด ลองกอง สามารถทานได้ไม่อั้น จนกว่าลูกค้าจะพอใจ ที่สำคัญไปกว่านั้นทุเรียน เราสามารถเลือกทานได้ ตามใจเรา เพราะมีค่อนข้าง หลากหลายพันธุ์ เจ้าของสวนบริการดี มีมนุษย์สัมพันธ์กับลูกค้าแบบเป็นกันเอง
ระยอง
ด้วยสวนวิชา(ระยอง) -จำหน่ายพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด -จำหน่ายชุดโต๊ะ ที่นั่งหิน และหินตกแต่งหลากหลายรูปแบบ -รับปรึกษาการปลูกต้นไม้ -รับจัดสวน / ตกแต่งสวน ด้วยทีมงานมืออาชีพ สวนวิชาพันธุ์ไม้(ระยอง)มีพื้นที่ในการเพาะพันธุ์ไม้มากกว่า 50 ไร่ ทำให้ที่ร้านมีทั้งไม้ดอกไม้ประดับ ไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ รวมทั้งชุดโต๊ะ ที่นั้่งหิน และหินตกแต่งไว้ให้ท่านผู้สนใจได้เลือกชมเลือกซื้ออย่างมากมาย ด้วยประสบการณ์ของเจ้าของ เริ่มก่อร่างสร้างตัวเปิดร้านตั้งแต่ปี พศ. 2532 จนถึงปัจจุบัน สามารถเป็นตัวการันตีในคุณภาพของสินค้าได้เป็นอย่างดี มองหาร้านได้ไม่ยากติดถนนสุขุมวิทเยื้องๆตลาดผลไม้ตะพงทางไป อ.แกลง เปิดบริการทุกวันจันทร์-อาทิตย์ 08.00-17.00 น. และเปิดตัวน้องใหม่ มีบริการที่พักแบบโฮมสเตย์เพื่อรองรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาลิ้มลองผลไม้ตามฤดู หรือท่องเที่ยวทะเลที่มาเป็นครอบครัวหรือหมู่คณะ เพื่อการดูแลได้อย่างถั่วถึง จึงรองรับได้จำนวน 10 ท่าน/กรุ๊ป มีบริการสระว่ายน้ำและ Wi-Fi ฟรี สำหรับลูกค้าที่มาพักทุกท่าน
ระยอง
พื้นที่ปลูกพืชผลการเกษตรปลอดสารพิษ บริการที่พักแบบแคมป์ปิ้ง สามารถปั่นจักรยานชมวิวทิวทัศน์รอบๆที่สวยงามได้
พะเยา