คำค้นยอดฮิต: ข้าวเหนียวมะม่วง ของขวัญออแกนิค ผลไม้สด
TH | EN
฿ 0.00
บ้านซ่งแย้ หรือ วัดอัครเทวดามิคาแอล
บ้านหนองซ่งแย้ หมู่2 ตำบลคำเตย อำเภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธร 35120
Image
Image
Image
Image
สภาพอากาศวันนี้
อยู่ในเวลาปิดทำการ
วันเวลาทำการ
• วันอาทิตย์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันจันทร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันอังคาร
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพุธ
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันพฤหัสบดี
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันศุกร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
• วันเสาร์
: 09:00 น. - 16:00 น.
หมายเหตุ
: -
แผนที่และพิกัดที่ตั้ง
คะแนนรีวิว
0
ความพร้อมสถานที่
0
ความคุ้มค่า
0
การให้บริการ
0
อ่านทั้งหมด >
รายละเอียด
โบสถ์คริสต์บ้านซ่งแย้ ตั้งอยู่ที่อำเภอไทยเจริญ จังหวัดยโสธร มีประวัติเล่าสืบกันมาว่าในปี ค.ศ.1908 มีผู้หนีตายอพยพจากที่ต่าง ๆ กัน เข้ามาอาศัยอยู่ในพื้นที่นี้รวม 5 ครอบครัว ซึ่งหนีมาด้วยสาเหตุเดียวกัน คือ ถูกกล่าวหาว่าเป็นผีปอบ ชาวบ้านในหมู่บ้านจึงรุมทำร้ายและขับไล่ เป็นโบสถ์หลังที่ 4 วางแผนก่อสร้างปี ค.ศ. 1936 ชาวบ้านพากันรวบรวมไม้ ลงมือสร้างปี ค.ศ. 1947 ตัวโบสถ์รูปทรงที่สร้างขึ้นมีลักษณะแบบศิลปะไทย กว้าง 16 เมตร ยาว 57 เมตร จัดเป็นโบสถ์ไม้ที่ใหญ่ที่สุด ในประเทศไทย ใช้แผ่นไม้เป็นแป้นมุง หลังคา 80,000 แผ่น ใช้เสาขนาดต่างๆกันถึง 360 ต้น ส่วนใหญ่เป็นเสาไม้เต็ง เสาในแถวกลางมีขนาดใหญ่ยาวที่สุดมี 260 ต้น สูงจากพื้นดินกว่า 10 เมตร พื้นแผ่นกระดานเป็นไม้แดงและไม้ตะเคียนขนาดใหญ่ ม้านั่งไม้จุคนได้กว่าพันคน ระฆังโบสถ์มีเส้นผ่าศูนย์กลางเกือบ 2 ฟุต อยู่ในหอระฆังสูงที่สร้างแบบหอระฆังตามวัดไทยทั่วไป แต่แปลกตรงที่แยกต่างหากจากโบสถ์ และเนื่องจากไม้ที่ได้รวบรวมมามีจำนวนมาก จึงได้นำไม้ที่เหลือมาสร้างโรงเรียนบ้านซ่งแย้พิทยา

ข้อมูลและรูปภาพจากเว็บไซต์ : http://www.yasothon.go.th/web/file/menu4.html
ประวัติความเป็นมา
ชาวบ้านหนองซ่งแย้ลงแรงสร้างโบสถ์ไม้ขนาดใหญ่ขึ้นเป็นโบสถ์คริสต์นิกายคาทอลิก ที่ก่อสร้างด้วยไม้และมีหน้าจั่วประดับกระจกซึ่งใหญ่ที่สุดในประเทศ เริ่มจากเมื่อปี 2451 หมู่บ้านที่ตั้งโบสถ์แห่งมีชื่อว่า บ้านหนองซ่งแย้ (แปลว่าที่อยู่ของแย้) เป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางดงทึบ ประวัติความเป็นมาเริ่มจากที่บ้านซ่งแย้ มีชาวบ้าน 5 ครอบครัว ที่มาจากคนละทิศคนละทาง ได้อพยพเข้ามาอยู่ใหม่กับชาวบ้านที่อยู่ดั้งเดิม อยู่กันได้สักระยะหนึ่งก็ถูกกล่าวหาว่าเป็นครอบครัวผีปอบ ถูกชาวบ้านกุ้มรุมทำร้ายและระดมขับไล่ออกจากหมู่บ้าน ทำให้กลุ่ม 5 ครอบครัวเดือดร้อนอับจนหนทาง จึงเดินทางไปหาบาทหลวงฝรั่งเศส “เดชาแนล” และ ออมโบรซีโอ” ที่บ้านเซซ่ง ต.เชียงเพ็ง อ.ป่าติ้ว จ.ยโสธร ให้มาช่วยขับไล่ผีปลอบที่สิงอยู่กับตนและครอบครัว ซึ่งบาทหลวงทั้งคู่ก็หาวิธีการมาช่วยขับไล่ผีปลอบให้แก่ชาวบ้านจนเหตุการณ์สงบลง ทั้ง 5 ครอบครัวจึงเข้ารีตเป็นคริสเตียนนิกายโรมันคาทอลิค ต่อมาหมู่บ้านแห่งนี้จึงกลายเป็นประชาคมชาวคริสต์ บาทหลวงทั้ง 2 จึงได้สร้างวัดหนองซ่งแย้ขึ้นมา ในปี พ.ศ. 2452 โดยใช้ชื่ออย่างเป็นทางการในภาษาลาตินว่า “วัดอัครเทวดามิคาแอล” ซึ่งเป็นชื่อของนักบุญคนสำคัญ โดยมีบาทหลวงเดชาแนลเป็นอธิการโบสถ์คนแรก อาคารโบสถ์คริสต์วัดซ่งแย้ ในระยะแรกนั้นสร้างเป็นกระต๊อบเล็กๆ ฝาขัดแตะให้บาทหลวงทั้ง 2 อยู่ พร้อมกับใช้เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนาควบคู่ไปในตัว จากโบสถ์ไม้หลังแรกเมื่อ 100 ปี ได้มีการปรับปรุงพัฒนาเรื่อยมาเนื่องจากอายุการใช้งานของไม้ย่อมผุพังไปตามอายุ โบสถ์คริสไม้หลังใหม่ เริ่มก่อสร้างในปี 2490 ได้ปรับปรุงให้มีช่องแสงประดับกระจกสีสวยงาม จนเสร็จสมบูรณ์และกระทำพิธีเสกวัดเมื่อปี พ.ศ. 2497 จนปัจจุบันยังคงมีความโดดเด่นสวยงามแปลกตา เนื่องจากเป็นโบสถ์คริสต์ที่สร้างด้วยไม้ล้วนๆ ด้วยความที่โบสถ์วัดซ่งแย้มีความน่าสนใจหลายประการ ทางการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) จึงจัดให้โบสถ์วัดซ่งแย้ เป็นสถานที่ท่องเที่ยว “UNSEEN in THAILAND”
ที่มาข้อมูล
Thailand Tourism Directory
ข้อมูลแนะนำ
กลุ่มนักท่องเที่ยว
• กลุ่มครอบครัว
• กลุ่มวัยทำงาน
• กลุ่มนักเรียนนักศึกษา / เยาวชน / วัยรุ่น
• กลุ่มท่องเที่ยวเชิงศาสนา
• กลุ่ม MICE / ศึกษาดูงาน
• กลุ่มศิลปวัฒนธรรม / ประวัติศาสตร์
• กลุ่มวิถีชีวิต / ชุมชน / วิถีเกษตร
การเดินทาง
• รถยนต์
ราคาค่าเข้าชม
• ราคาค่าเข้าชม: ไม่มีค่าใช้จ่าย
• หมายเหตุ : -
สิ่งอำนวยความสะดวก
ลานจอดรถ
สุขา
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว
ร้านขายสินค้าที่ระลึก
ศูนย์บริการสำหรับผู้พิการ
ทางลาด
สาธารณูปโภค
ระบบรักษาความปลอดภัย
• กล้อง CCTV
รีวิว (0)
0
จาก 5.0
ความพร้อมสถานที่
ความคุ้มค่า
การให้บริการ
แนะนำแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่คล้ายกัน
พิกัด https://goo.gl/maps/5VAeHUFWAcovFCuYA
สระบุรี
ไร่องุ่นคุณมาลี เป็นไร่องุ่นที่มีทั้งองุ่นสดๆ และผลิตภัณฑ์จากองุ่น หลากชนิด พิกัด : https://goo.gl/maps/yCPKN5GAqmRaeCAp7
สระบุรี
ศูนย์ภูมิรักษ์ธรรมชาติ จ.นครนายก การมาเที่ยวชมศูนย์ฯ แห่งนี้ไม่มีค่าใช้จ่าย เว้นแต่ว่ามากันเป็นหมู่คณะ และต้องการทำกิจกรรมต่างๆ ที่ทางศูนย์ฯ ได้จัดขึ้น ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ชั้นเลิศ ที่จะทำให้เข้าใจเรื่องราวของคำว่า "พอเพียง" และการใช้ทรัพยากรอย่างไรให้ได้ประโยชน์และรู้คุณค่ามากที่สุด การเดินเที่ยวชมที่แห่งนี้ เดินชมได้เป็นลักษณะคล้ายวงกลม โดยเริ่มจาก โซนภาคเหนือ ตื่นตาไปกับการปลูกไม้ไผ่ชนิดต่างๆ สองข้างทาง รวมทั้งความน่ารักของสะพานไม้ไผ่ บ้านที่สร้างจากไม้ไผ่ริมสระบัว และเครื่องเล่นที่ทำจากไม้ไผ่ ที่จัดแสดงแบบนี้ เป็นเพราะต้องการให้ได้รู้ว่าไม้ไผ่สามารถทำประโยชน์อะไรได้มากมาย รวมทั้งทำรางหยดน้ำ เพื่อใช้รดน้ำต้นไม้และรดดินแทนคนอีกด้วย เดินขึ้นไปตามภูเขาก้อนเล็กๆ เรียนรู้เรื่องภูเขาป่า การตะบันน้ำ คือ การที่ใช้น้ำอัดน้ำขึ้นที่สูงแทนการใช้เครื่องปั๊มน้ำ ระบบป่าเปียกกันไฟ ประโยชน์ของหญ้าแฝก และการทำฝายชะลอความชุ่มชื้น เดินต่อไปยัง โซนภาคกลาง เรียนรู้เรื่องการเกษตรทฤษฎีใหม่ เพื่อให้เกษตรกรได้ใช้ประโยชน์จากพื้นที่ของตัวเองอย่างคุ้มค่า เรียนรู้การสร้างบ้านดิน และเรื่องสมุนไพรนานาชนิด แล้วก็เดินไปยัง โซนภาคตะวันออกเฉียง เหนือ ชมธนาคารข้าว เรียนรู้เรื่องการสีข้าว การเลี้ยงปศุสัตว์ แอบเห็นวัวตัวเบ่อเริ่มอยู่ในคอกด้วย การทำปุ๋ยหมักไว้ใช้เอง จะได้ไม่ต้องซื้อปุ๋ยเคมี และได้เรียนรู้เรื่องการห่มดิน จากที่พื้นที่ที่ไม่มีดิน ต้องใช้วิธีห่มดิน เพื่อให้ได้ดินดีๆ กลับมาปลูกพืชผัก แต่จะทำอย่างไร อยากให้ไปเรียนรู้ด้วยตัวเองจะดีที่สุด สุดท้ายไปยัง โซนภาคใต้ ไปดูการเผาถ่านที่ทำจากไม้ไผ่ การทำน้ำมันไบโอดีเซล และเรียนรู้โครงการแก้มลิง นอกจากนี้ตลอดภายในศูนย์ฯ ฉันเห็นว่าจะมีร่องน้ำขนาดใหญ่และเล็กตลอดเส้นทาง มีสระน้ำ มีแปลงเกษตรปลูกพืชผัก มีกังหันน้ำชัยพัฒนา มีการปลูกหญ้าแฝกในน้ำ และอื่นๆ อีกมากมาย จบการเดินเที่ยวชม ที่รับสาระความรู้และความเพลิดเพลินเดินอย่างไม่รู้เหนื่อยกันไป เดินชม ตาดู หูฟังและปากถามเจ้าหน้าที่ไม่ลดละ เพียงเพราะว่าสิ่งที่เราคิดว่า ‘เรารู้' กลายเป็นสิ่งที่เราไม่เคยรู้มาก่อน นั่นเป็นเพราะความเคยชินกับโครงการต่างๆ หรือทฤษฎีต่างๆ แต่ไม่เคยปฏิบัติหรือมาสัมผัสจริง การเดินทาง : จากแยกรังสิต ไปทาง อ.องครักษ์ มุ่งหน้าไปใช้เส้นนครนายก-น้ำตกนางรอง ผ่านวังตะไคร้ ก่อนถึงน้ำตกนางรอง 2 กิโลเมตร เลี้ยวขวาเข้าโครงการเขื่อนขุนด่านปราการชล ตรงไปอีกประมาณ 3 กิโลเมตร ถึงวงเวียน (มีรูปปั้นช้าง) วนขวาข้ามสะพาน ถึงสี่แยกเลี้ยวขวาตรงไปอีก 200 เมตร ศูนย์ฯ จะอยู่ทางซ้ายมือ
นครนายก
จักสานพลาสติก เป็นศิลปะการจักสานที่มีลวดลายสวยงาม การออกแบบ สีสันของเส้นพลาสติก ลวดลายต่าง ๆตามความต้องการของลูกค้า มีความละเอียดประณีต เรียบร้อย ได้มาตรฐาน คงทน สมประโยชน์ ราคาไม่แพง มีการพัฒนารูปแบบทันสมัยอย่างต่อเนื่องและเป็นสากล แต่กระบวนการผลิตยังใช้แบบดั่งเดิม ทำให้มองเห็นคุณค่าและแสดงถึงเอกลักษณ์ความเป็นไทย ซึ่งเป็นความภาคภูมิใจของคนบ้านพราน เป็นผลงานจากการสร้างสรรค์ชิ้นงานที่ประสานภูมิปัญญาของคนรุ่นเก่ากับคนรุ่นใหม่ ให้เข้ากันได้อย่างลงตัวและเหมาะสม
อ่างทอง
เป็นพื้นที่รอยต่ออุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ทำให้พื้นที่บริเวณนี้มีความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และชาวบ้านที่นี่ทำสวนผลไม้ตามฤดูกาล เหมาะกับการท่องเที่ยวด้านธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ขุดล้อม ขายกล้าพันธ์ไม้ และมีลานกางเต้น
สระบุรี
ผ้าไทย ถือเป็นหัตถกรรมและหัตถศิลป์มรดกอันล้ำค่าของเมืองไทย มีความงดงามของเส้นไหมที่เป็นเอกลักษณ์ลวดลายที่บ่งบอกถึงความเป็นไทย ทำให้เป็นผ้าไหมไทยได้รับความนิยม และโด่งดังไปทั่วโลกในอดีตผ้าไหมไทยถูกนำมาใช้ในหมู่สมาชิกของราชวงศ์ และข้าราชการเท่านั้น แต่ในยุคปัจจุบันผ้าไหมไทยก็เป็นที่นิยมในวงการแฟชั่น วงสังคมชั้นสูง และประชาชนทั่วไป เช่นกัน ผ้าไหมไทยเป็นผ้าที่นิยมใช้ในชุดแต่งงาน, ชุดไทย, ชุดไทยออกงานสำหรับสวมใส่ในงานปาร์ตี้ งานบุญ
ลำพูน
ตลาด 910 เป็นตลาดนัดขายสินค้าทางการเกษตรมากมาย ซึ่งเป็นผลผลิตจากเกษตรกรเหลือจากกินใช้ และนำมาแปรรูปขาย ตลาดก่อตั้งขึ้นเนื่องจากได้รับงบประมาณ จากโครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน มีทุกวัน แต่โซนด้านหน้าจะมีในวันอาทิตย์ของสัปดาห์ นอกจากการขายสินค้าทางการเกษตรแล้ว ในช่วงเวลาเทศกาลสำหรับจะมีการจัดงานอย่างยิ่งใหญ่ และมีหน่วยงานทั้งภาครัฐ ภาคเอกชนและประชาชนมาร่วมด้วย ตลาด 910 เป็นที่สนใจของประชาชนในท้องที่เป็นอย่างมาก และนอกจากนี้ ตลาด 910 ยังได้รับรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 ระดับเขต ในการแข่งขันการประกวด โครงการ 9101 ตามรอยเท้าพ่อ ภายใต้ร่มพระบารมี เพื่อการพัฒนาการเกษตรอย่างยั่งยืน
ชุมพร
วิสาหกิจชุมชนกลุ่มส่งเสริมคุณภาพไม้ผลตำบลพะโต๊ะ อำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร ดำเนินกิจกรรมการท่องเที่ยวเชิงเกษตรโดยมีการเชื่อมโยงกับกลุ่มท่องเที่ยวภายในอำเภอพะโต๊ะ มีกิจกรรม ล่องแพ ชมสวน ชิมผลไม้ เดินป่า เที่ยวน้ำตก ชิมอาหารพื้นบ้าน เช่น แกงส้มหยวกกล้วยป่ากับหมูสามชั้น, ใบเหลียงผัดไข่, ข้าวในกระบอกไม้ไผ่ ชิมกาแฟโบราณ
ชุมพร
บ้านนอก Story จุดเริ่มต้น กว่าจะมาเป็นบ้านนอก story เริ่มจากสิ่งที่ชอบ และนำสิ่งที่ชอบนั้นมาสร้างรายได้ให้ได้ สิ่งที่ชอบของพวกเราคือ ความเป็นบ้านๆ ความเป็นชนบท และอยู่กับธรรมชาติ นี่คือจุดแข็งอย่างแรกที่เรามั่นใจ ว่าพวกเราจะอยู่กับสิ่งๆนี้ไปได้ตลอด แม้อาจจะไม่มีรายได้เกิดขึ้นเลยก็ตาม เลยเลือกที่จะกลับมาพิสูจน์ตัวเองที่บ้านเกิด ว่าพวกเราจะยังมีความเชื่อที่แรงกล้า พอที่จะฝ่าฟันอุปสรรค และความเป็นชนบทที่แท้จริงได้หรือไม่ ก่อนเปิดร้านบ้านนอก สตอรี พวกเราได้ ออกไปหาประสบการณ์ คือการไปออกบูธขายกาแฟ 8 เดือน เพื่อปรับสูตรและเมล็ดกาแฟที่ให้เป็นตัวเองมากที่สุด และเดินทางทั่วประเทศไทย อีก 2 เดือน เพื่อหาไอเดียใหม่ๆ รสชาติใหม่ๆ ความรู้เรื่องกาแฟ และประสบการณ์ มุมมองเกี่ยวกับการทำธุรกิจเล็กๆ พวกเราใช้เวลาเรียนรู้ กัน 1 ปีเต็ม กว่าจะมาเป็นร้านบ้านนอก สตอรี แน่นอนว่า เมื่อเรามาทำร้าน จุดที่เป็นจุดขายและเป็นเอกลักษณ์คือ ใช้ของที่มีอยู่แล้วในพื้นที่ เช่นไม้ ต้นไม้ วัสดุที่หาได้ตามบ้านนอก ที่ผู้คนหรือชาวบ้านไม่เห็นคุณค่า นำกลับมาดัดแปลง ในไอเดียที่เรามี ลดวัสดุสิ้นเปลือง แถมยังได้ใช้ประโยชน์จากธรรมชาติแบบสูงสุด อยู่ร่วมกับธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน ร้านของเราก็เลยจะมีวัสดุที่มาจากธรรมชาติ เป็นหลัก และร้านของเรา ยังเน้นไปที่การ ให้ลูกค้าได้อยู่แบบ OUT DOOR อยู่กับธรรมชาติ ฟังเสียงนก สัมผัสอากาศที่บริสุทธิ์ อย่างน้อย ก็เพื่อบำบัดความเครียด เพื่อให้สมองได้ปลอดโปร่ง เพราะฉะนั้น ร้านของเรา เป็นร้านที่สร้างขึ้นมาเพื่อให้ลูกค้า เข้ามาผ่อนคลาย และได้รับเครื่องดื่มและอาหารที่อร่อย ในทุกๆเมนู ที่สำคัญคือได้ความสบายใจ ที่มาเยือน ณ ร้านของเรา เพราะเราให้ความสำคัญ กับการบริการ และ รสชาติของอาหารเป็นหลัก สุดท้ายนี้ การเปิดร้านเล็กๆข้างบ้าน เป็นเพราะทุนของเรามีจำกัด จึงต้องทำร้านเล็ก เพื่อไปสร้างร้านใหญ่ เพราะเรามีฝันที่ใหญ่กว่านี้มาก และหวังว่าทุกคนที่ชอบความเป็น บ้านนอก สตอรี ฉบับ โฮม ทาวน์ แบบชนบท จะสนับสนุนและให้กำลังใจพวกเรา ได้ทำฝันให้สำเร็จ ขอบคุณครับ
อุตรดิตถ์
สถานีวิจัยและฝึกอบรมที่สูง ใช้เป็นแปลงเพื่อศึกษาทดลองเกี่ยวกับพืช เป็นสถานที่ฝึกงานนักศึกษาทั้งในและนอกสถาบัน และ เป็นที่ศึกษาธรรมชาติ ให้แก่บุคคลผู้สนใจทั่วไป
เชียงใหม่
“ศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์” ภายใต้แนวคิดการพัฒนาศูนย์เรียนรู้ด้านการจัดการป่าครบวงจร เป็นพื้นที่สาธิตการปลูกป่าและวิจัยการฟื้นฟูป่าหลากหลายรูปแบบ เป็นแหล่งรวบรวมพันธุ์ไม้ท้องถิ่นภาคตะวันออกและพันธุ์ไม้หายากของไทย รวมถึงเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้เรื่องการปลูกป่าและระบบนิเวศป่าไม้ ให้แก่นิสิต นักศึกษา นักเรียน และประชาชนผู้สนใจ อีกทั้งเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศแห่งใหม่ที่สำคัญของภาคตะวันออก โดยศูนย์เรียนรู้ป่าวังจันทร์ ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จเปิดศูนย์ฯเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 6 สิงหาคม 2558 และได้เปิดให้บริการแก่ประชาชนตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
ระยอง
จัดเป็นสถานีจุดเรียนรู้อย่างเป็นระบบ เช่น ๑.๑. สถานีการให้บริการเชื้อพันธุ์กล้วยไม้ และห้องเพาะเมล็ดกล้วยไม้ ๑.๒. สถานีการปลูกเลี้ยงกล้วยไม้สายพันธุ์ต่างๆ และการเพิ่มมูลค่ากล้วยไม้ ๑.๓. สถานีการปลูกและขยายพันธุ์ไม้ประดับ ๑.๔. การผลิตเชื้อชีวินทรีย์ (ไตรโครเดอร์ม่า บิวเวอร์เรีย บีที) , การทำปุ๋ยหมักไม่กลับกองสูตรแม่โจ้ ๑.๕. สถานีการเลี้ยงไส้เดือน จิ้งหรีด และชันโรง ๑.๖. สถานีการปลูกผักไร้ดิน และผักลอยฟ้า ๑.๗. สถานีการเพาะเห็ดแบบต่างๆ ๑.๘. สถานีการเพาะต้นอ่อนพืช และการแปรรูปอาหารจากเห็ด ๑.๙. สถานีการขยายพันธุ์ไม้ผลแบบต่างๆ ๑.๑๐. สถานีเกษตรผสมผสานตามหลักปรัญญาเศรษฐกิจพอเพียง (สามารถปรับเปลี่ยนได้ตามความเหมาะสม)
สมุทรสาคร